โรคออฟฟิศซินโดรมและ 12 โรคที่เกิดจากการทำงานออฟฟิศ
โรคออฟฟิศซินโดรม คือ
โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นคำที่ใช้ในการอธิบายอาการที่พบบ่อยในคนที่ทำงานในสถานที่ที่ต้องนั่งนานๆ หรือทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก โรคนี้มักจะมีอาการเช่นความค่อยคิดเจ็บคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ รอยตีนกา ตาแห้ง และอาการเมาในการทำงาน เป็นต้น
สาเหตุของโรคออฟฟิศซินโดรม
ส่วนใหญ่มาจากการนั่งนานๆ หรือท่าทางการนั่งที่ไม่ถูกต้อง และการใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีการพักผ่อนหรือการดูแลร่างกายอย่างเหมาะสมและเป็นระยะเวลานาน การปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่ง การออกกำลังกาย เรื่องการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เป็นวิธีการป้องกันและบรรเทาอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมได้ หากมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรังควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาเพิ่มเติม
12 โรคที่เกิดจากการทำงานออฟฟิศ
1.โรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม:
โรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม เป็นภาวะที่พบในผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมออฟฟิศและใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ต้องนั่งนานเป็นประจำ อาการที่พบมักจะมีการปวดคอ ตึงเนื่อง และความไม่สบายในบริเวณคอ นี่เกิดจากการนั่งที่ตำแหน่งเดียวกันนานๆ
ทำให้กล้ามเนื้อคอขยับน้อยลง นอกจากนี้ การกดและหันคอไปมาในทิศทางเดียวกันเป็นระยะเวลานานๆ ยังเสี่ยงให้เกิดอาการนี้ขึ้นได้ เพื่อป้องกันโรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม ควรมีการเปลี่ยนท่านั่งและการยืนเพื่อหยุดพักในระยะเวลาที่สมควร รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ
2.โรคตาสายฝอย:
โรคตาสายฝอย เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่พบในผู้ที่ทำงานนานๆ ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสะท้อนมาก อาการหลักที่เกิดคือ ตาเสื่อมสภาพ เหนื่อย และรู้สึกเจ็บตาบ่อยๆ
อาการสายตาฝอยเป็นผลจากการมองที่หน้าจอเป็นระยะเวลานาน ในการป้องกันโรคตาสายฝอยควรมีการพักในการมองหน้าจอทุกๆ 1-2 ชั่วโมง และใช้แสงที่เหมาะสมในสภาพแวดล้อมที่ทำงาน
3.โรคอ้วน:
โรคอ้วน เกิดจากสมดุลของพลังงานที่รับเข้าและใช้ไปไม่สมดุลกัน การทำงานในสภาพแวดล้อมออฟฟิศที่นั่งนานๆ และมีพฤติกรรมการกินไม่ดีสามารถทำให้เกิดโรคนี้ได้ นอกจากนี้ การที่ไม่มีการออกกำลังกายในช่วงทำงานอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนอีกด้วย การป้องกันโรคอ้วนควรมีการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในชีวิตประจำวัน
4.โรคเบาหวาน:
โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่พบมากในผู้ที่ทำงานออฟฟิศนานๆ โดยเฉพาะในผู้ที่นั่งทำงานนาน และขาดการออกกำลังกาย. การนั่งนานๆ อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน. นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพโดยการรักษาพฤติกรรมการกินที่ดีและการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคนี้.
5.โรคหลอดเลือดสมอง:
การทำงานในสภาพแวดล้อมออฟฟิศที่มีความเครียดและกดดันสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง. ความเครียดสามารถทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น และนี่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง. การสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความเผชิญหน้าความเครียดและการปฏิบัติตัวที่สมดุลสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้.
6.โรคหัวใจ:
การนั่งนานๆ และขาดการออกกำลังกายในช่วงทำงานสามารถเสี่ยงให้เกิดโรคหัวใจได้ โรคหัวใจสามารถทำให้เกิดภาวะหัวใจวายหนาว หรือโรคของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเสียหาย การรักษาสุขภาพโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลสุขภาพจิตช่วยลดความเครียดสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้.
7.โรคซึมเศร้า:
โรคซึมเศร้าเป็นสภาวะทางจิตที่พบบ่อยในผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมออฟฟิศที่มีความเครียดและกดดันสูง เป็นอาการทางจิตที่ทำให้รู้สึกเศร้าหรือท้อแท้ และส่งผลต่อการทำงานและคุณภาพชีวิตทั่วไป
การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีระดับความเครียดสูงอาจเสี่ยงให้เกิดโรคนี้ ดังนั้นการสร้างสภาวะการทำงานที่มีความเผชิญหน้าความเครียดอย่างเหมาะสม และการให้ความสนใจต่อสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญ การปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นทางเลือกที่ดีในการรับการดูแลและรักษาโรคซึมเศร้า.
8.ปวดขาหนีบ:
การนั่งนานๆ ในที่ทำงานออฟฟิศที่มีเฉื่อยอ่อนหรือที่นั่งไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดโรคปวดขาหนีบ สามารถทำให้เกิดอาการปวดขา แน่นหรือชาในขา การป้องกันโรคกระดูกสันหลังขาหนีบควรมีการใช้เก้าอี้ที่รองรับสมรรถนะร่างกายดี และการทำกิจกรรมกายภายในที่ทำงานอย่างสม่ำเสมอ
9.โรคต่อมไทรอยด์:
การทำงานที่มีระดับความเครียดสูงอาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ โรคต่อมไทรอยด์สามารถทำให้ระดับฮอร์โมนตามไทรอยด์ไม่สมดุล ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพทั่วไป
โรคนี้สามารถแสดงอาการต่างๆ เช่น ความง่วง กังวล หรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์ เพื่อป้องกันโรคต่อมไทรอยด์ ควรรักษาสุขภาพจิตและรับมือกับความเครียดอย่างเหมาะสม และหากมีอาการบ่งชี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม.
10.โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ:
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยในผู้ที่ทำงานออฟฟิศ สาเหตุของโรคนี้อาจเกิดจากการกินอาหารไม่สม่ำเสมอ การติดเชื้อจากแบคทีเรีย Helicobacter pylori หรือสภาวะความเครียดและกดดันที่มักเกิดในสถานที่ทำงาน
อาการของโรคนี้รวมถึงอาการปวดหลังตำแหน่งตรงกลางและบริเวณบนของท้อง ร้อนในหน้าอก และคลื่นไส้ การลดความเครียด การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง และการรักษาอาการอักเสบด้วยยาที่แพทย์สั่งมอบความช่วยเหลือในการรักษาโรคนี้.
11.โรคไมเกรน:
โรคไมเกรน เป็นโรคหัวใจที่สามารถเกิดจากสภาวะการทำงานที่มีความเครียดและกดดันสูง อาการไมเกรนมักปรากฏในรูปของอาการปวดศีรษะที่รุนแรง เมื่อได้รับแสงแดดหรือสถานการณ์ที่มีเสียงดังและอาการร่วมด้วยได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน และบาดเจ็บที่ตามมา
เพื่อป้องกันไมเกรนในสถานที่ทำงานควรเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดไมเกรน เช่น การที่มีแสงแดดเข้ามาโดยตรง หรือการลดความเครียดอย่างเหมาะสม และการใช้เทคนิคการจัดการความเครียด.
12.กรดไหลย้อน:
กรดไหลย้อนเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่พบในผู้ที่ทำงานออฟฟิศนานๆ โรคนี้เกิดเมื่อกรดของหลอดอาหารถูกทำลายและไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร สาเหตุสำคัญของโรคนี้รวมถึงการที่นั่งนานๆ ที่ทำให้ลำไส้หรือกระเพาะอาหารถูกกดดัน อาจทำให้กรดไหลย้อนเกิดขึ้น
อาการสำคัญคือร้อนในหน้าอกและกลืนไม่ลง การกินอาหารที่ไม่เหมาะสมและกินมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคกรดไหลย้อน การลดปริมาณอาหารและการรับประทานอาหารที่ไม่ทำให้เพิ่มกรดย้อนและการยกเตียงหัวสูงเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันโรคนี้.
วิธีป้องกันโรคเบื้องต้นจากการทำงานออฟฟิศ
การป้องกันโรคที่เกิดจากการทำงานในสภาพแวดล้อมออฟฟิศสำคัญมาก เนื่องจากการทำงานที่ไม่ดีต่อสุขภาพอาจส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ดังนั้นต้องมีการดูแลและป้องกันดังนี้:
- การรักษาท่านั่งและการนั่ง: ปรับที่ทำงานและเก้าอี้ให้เหมาะสมเพื่อลดการกดดันในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ต้องเรียนรู้วิธีการตั้งท่านั่งที่ถูกต้องและควรยืนหรือเดินเพื่อหยุดพักสักครู่ทุก 1-2 ชั่วโมง การใช้โต๊ะที่สามารถปรับระดับได้ก็ช่วยลดการเหยียดตัวของหลังและคอได้.
- การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพในสภาพแวดล้อมออฟฟิศ เพราะการนั่งนานๆ สามารถทำให้ร่างกายขาดการออกกำลังกายและเสี่ยงให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายทุกวันอย่างน้อย 30 นาที เช่น การเดินขึ้นลงบันไดหรือท่ายกกำลังกายง่ายๆ.
- การบริหารจัดการความเครียด: ความเครียดและกดดันที่เกิดจากการทำงานออฟฟิศอาจส่งผลต่อสุขภาพ ให้พักผ่อนให้เพียงพอ มีเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การทำโยคะ การฟังเพลงผ่อนคลาย หรือการใช้เทคนิคการตั้งประเด็นความสำเร็จที่เป็นไปได้ในงาน.
- การรับประทานอาหารที่เหมาะสม: ควรรับประทานอาหารที่เสริมสร้างสุขภาพ ลดการบริโภคอาหารอันมีปริมาณไขมันสูงและน้ำตาลมาก เนื่องจากอาหารที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ.
- การควบคุมการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคหลอดเลือด โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ควรพยายามลดหรือหยุดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ถ้าเป็นไปได้.
- การรักษาสุขภาพประจำวัน: รับการตรวจร่างกายประจำปีเพื่อตรวจสอบสุขภาพและความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ และรักษาโรคที่เกิดขึ้นโดยเร็วหากมีอาการบ่งชี้.
การรักษาสุขภาพในสภาพแวดล้อมออฟฟิศต้องเป็นเรื่องสำคัญในการรักษาสุขภาพโดยรวม ด้วยการดูแลตัวเองและปฏิบัติตามหลักป้องกันอย่างเหมาะสม ที่สำคัญคือการรับรู้และรับมือกับสภาวะและปัญหาที่เกิดจากการทำงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคุณในระยะยาว
แนะนำอุปกรณ์ ป้องกัน โรคจากการทำงาน ออฟฟิศ
การใช้อุปกรณ์ป้องกันสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจากการทำงานออฟฟิศได้ นี่คือบางอุปกรณ์ที่คุณสามารถใช้เพื่อป้องกันโรคและรักษาสุขภาพของคุณในสภาพแวดล้อมออฟฟิศ:
- โต๊ะและเก้าอี้ที่รองรับสมรรถนะร่างกาย: เลือกโต๊ะที่สามารถปรับระดับได้และเก้าอี้ที่รองรับสะท้อนร่างกาย เพื่อให้คุณสามารถทำงานในท่าที่ถูกต้องและลดการกดดันในร่างกาย.
- จอคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ: การใช้จอคอมพิวเตอร์ที่มีความคมชัดและไม่เกิดการแสดงภาพเบลอสามารถลดการต้องพยุงคอและตามากขึ้น นอกจากนี้ควรปรับความสว่างและความแตกต่างในระดับสีให้เหมาะสม.
- คีย์บอร์ดและเมาส์ที่รับประกันความสบาย: เลือกคีย์บอร์ดและเมาส์ที่มีการออกแบบให้สะดวกและไม่ทำให้คุณต้องงอคอหรือมือ คีย์บอร์ดและเมาส์ที่มีระบบกันสั่นอาจช่วยลดการเจ็บและเมื่อเสร็จสิ้นการทำงานให้คุณผ่อนคลายมือและข้อมือ.
- แว่นตาคอมพิวเตอร์: ถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แว่นตาคอมพิวเตอร์สามารถช่วยลดการสายตาและความคลื่นไส้ในตา โดยลดรังสีแสงน้ำเงินที่ออกจากจอคอมพิวเตอร์.
- ฟิลเตอร์อากาศ: การใช้เครื่องฟิลเตอร์อากาศสามารถช่วยลดฝุ่นละอองและสารพิษในอากาศภายในสถานที่ทำงาน ทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้นและช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหายใจและภาวะแพ้แรง.
- โต๊ะยืน: การใช้โต๊ะยืนช่วยลดการนั่งนานๆ และช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหว ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ที่เกิดจากการนั่งนาน.
- โคมไฟสำหรับการทำงาน: การใช้โคมไฟที่มีแสงสมจริงและสามารถปรับระดับความสว่างได้สามารถช่วยลดการเมื่อนสายตาและความเหนื่อยล้าของตาในสถานที่ทำงาน.
การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมและปฏิบัติสุขภาพในสถานที่ทำงานออฟฟิศอย่างเหมาะสมสามารถช่วยป้องกันโรคและส่งผลให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว.