ขายเสื้อผ้ามือสองอย่างไรให้ปัง?
ค่านิยมสินค้ามือสองที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อยเลยคือ ค่านิยมเกี่ยวกับการสะสมเสื้อวงดนตรีต่างๆและนำมาขายซึ่งบอกได้เลยว่า หากเป็นเสื้อวงที่มีความต้องการทางตลาดมากก็จะมีราคาที่สูงตามไปด้วย ก็ที่อยากจะขายเสื้อผ้ามือสองให้ปังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กลับกันมันก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยทีเดียว หลายๆคนก็ต้องเริ่มต้นกันก่อนทั้งนั้นกว่าจะประสบความสำเร็จและขายได้ในปัจจุบัน วันนี้ทางเว็บไซต์ หาตลาด.com จะพามาดูเคล็บลับเพิ่มรายได้ขายของมือสองอย่างไรให้มีลูกค้าติด กำไรมากขึ้น จะมีวิธีไหนกันบ้างไปดูกันเลย
1.เทคนิคการเลือกสินค้ามือสองมาขาย
ควรเลือกสินค้าที่ไม่ชำรุด เพราะจะทำให้ความอยากซื้อมีมากขึ้น ยิ่งสินค้าที่เป็นแบรนด์ต่างๆยิ่งดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้สนใจ หรือบางรายที่มีรความสามารถเรื่องการตัดเย็บเสื้อผ้าก็อาจจะนำเสื้อผ้าที่ได้มาดัดแปลงต่อเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้านั้นๆ
ทั้งหากจะไปรับเสื้อผ้าสินค้ามีสองที่เป็นกระสอบต้องยอมรับความเสี่ยงให้ได้ว่าไม่ใช่ทุกคนในกระสอบที่จะขายได้ บางคนอาจจะใช้วิธีไปเลือกจากแหล่งขายเสื้อผ้ามือสองที่มีราคาถูกอย่าง ตลาดปัฐวิกรณ์ ที่มีราคาค่อนข้างถูกแต่ต้องอาศัยเวลาในการเลือกเพราะสินค้าที่นั้นจะค่อนข้างมีปริมาณที่มาก
2.เทคนิคการเลือกพื้นที่ขาย
คำว่าพื้นที่ขายพูดรวมไปถึงทั้งหน้าร้านและทาง Social Media ต่างๆ ซึ่งมีผลอย่างมากในการขายของ เพราะหากเราเลือกที่จะไปขายที่ตลาดที่มีคนเยอะ แต่สินค้าที่นำไปขายนั้นไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าก็จะส่งผลทำให้เราขายได้ไม่ค่อยดี
ดังนั้นก่อนจะไปขายควรดูกลุ่มลูกค้าที่เดินตลาดแถวนั้นว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นวัยอะไรมีความต้องการในการซื้อสินค้าของเรามากน้อยเพียงใด มีกำลังทรัพย์ประมาณเท่าไหร่ เพราะถ้าเราไปขายแล้วต้องขายให้ได้กำไรมากที่สุด จะไม่ขายให้เข้าเนื้อตัวเองแบบนั้นไม่เรียกว่าเป็นการขายของ อีกทั้งเรายังมีอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้ระบายสินค้าได้ง่ายขึ้นอย่าง Platform ต่างๆ เช่น Facebook Instagram Tiktok เป็นต้น
การลงขายให้ช่องทางออนไลน์นั้น ต้องอาศัยการความเข้าใจของ Platform นั้นอย่างมาก อย่าง Tiktok ก็ควรจะมีการทำ Content เพื่อให้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้มาซื้อของเรามากขึ้น ซึ่งเนื้อหา Content เราก็จะไปดูว่าอัลกอริทึมของ Tiktok มีอะไรบ้างและอะไรเป็นเทรดในขณะนี้เป็นต้น
อัลกอริทึมของ Tiktok มี 7 ข้อได้แก่
- Completion Rate: การที่คนกดดูคลิปของเราจนจบ
- Rewatches: การที่คนกดดูคลิปของเราซ้ำ
- Shares: ยอดแชร์
- Favorites: Clip หรือ Sound ของคุณถูกเซฟเป็น Favorite
- Hashtags and Sounds: ใช้เพลงหรือ Hashtags ที่เป็นกระแส
- Location: การใส่ชื่อสถานที่จะทำให้คนดูได้มากขึ้น
- Likes and Comments: ช่วยด้าน Visibility แต่ไม่ช่วยเพิ่มในด้าน Engagement
ข้อดีของการขาย Offline (การขายที่หน้าร้าน)
- ไม่ต้องเหนื่อยถ่ายรูปสินค้า ลูกค้าสามารถมาเห็นสินค้าตัวจริงได้เลย
- ลูกค้าสามารถเช็คตำหนิสินค้าเองได้
- ลูกค้ายอมจ่ายได้ง่ายเพราะเห็นสินค้าตัวจริง
- ขายและจบในวันนั้นเลย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องแพ็คของส่ง
- ไม่ต้องแยกราคาหรือตกแต่งรูปเพื่อใช้ในการขาย สามารถจัดหมวดหมู่แยกราคาให้ลูกค้าเห็นง่าย
ข้อเสียของการขาย Offline (การขายที่หน้าร้าน)
- มีค่าที่ในการเช่าเพื่อขายสินค้า
- ต้องเตรียมตัวในการขายล่วงหน้าเยอะ
- ต้องมีเวลาขนย้ายอุปกรณ์ในการขายสินค้า
- สินค้ามีโอกาสเสียหายในระหว่างการขายได้
- อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยเพราะต้องเก็บของที่ขายไม่ได้กลับ
ข้อดีของการขาย online (การขายที่ช่องทางออนไลน์ต่างๆ)
- ขายได้ราคาที่สูงกว่า กลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อมากกว่า
- สามารถบอกรายละเอียดได้ชัดเจนกว่าในแคปชั่นต่างๆ
- ไม่ต้องเสียค่าที่ในการขายของทำให้ประหยัดงบในส่วนนี้
ข้อเสียของการขาย online (การขายที่ช่องทางออนไลน์ต่างๆ)
- ต้องมีเวลาคอยตอบแชทลูกค้าอยู่ตลอด
- เสียเวลาในการถ่ายรูปสินค้าต่างๆ
- ต้องเผื่อเวลาเเพ็คของในการส่งให้ลูกค้าไว้ด้วย
3.การทำยังไงให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าเราซ้ำ
ต้องบอกก่อนว่าการสร้างความประทับใจในการขายสินค้าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรจะมีไว้เพื่อทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อสินค้าเราซ้ำ บางรายก็อาจจะมีโปรโมชั่นให้กับลูกค้า หรือบางรายก็อาจจะแถมสินค้าให้กับลูกค้าเพื่อให้เกิดความประทับใจแรก การบริการที่ดีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ขายดีขึ้น ยกตัวอย่างมีร้านค้าที่ขายเสื้อผ้ามือสองอยู่ 2 ร้าน ร้านหนึ่งแม่ค้าพูดจาดีมาก กับอีกร้านหนึ่งแม่ค้าพูดจาไม่ดี คนส่วนใหญ่ก็คงอยากจะเดินไปร้านแรกมากกว่าเป็นต้น
4.การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของเรา
การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้า เช่น หมั่นโพสต์ขายสินค้าทุกวัน ทำรีวิวลูกค้าที่มีการมาซื้อสินค้า สร้างคอนเทนต์ที่ทำให้ลูกค้าประทับใจเป็นต้น สร้างความน่าเชื่อถือมีข้อดีที่จะทำให้ลูกค้าเห็นภาพลักษณ์ของสินค้าที่เราขายมากขึ้น สามารถนำไปบอกต่อลูกค้าคนอื่นให้มาซื้อต่อได้ง่ายๆ เพราะลูกค้ามั่นใจในตัวสินค้าที่เรานำมาขาย
5.มีเป้าหมายในการขายของ
ตั้งเป้าหมายไว้ในการทำงานถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันจะทำให้เราผลักดันตัวเองในการทำงานมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตนเองวางไว้ อย่างการค้าขายก็สมควรอย่างมากมีจะมีแบบแผนและเป้าหมายในการดำเนินการ เพราะการค้าขายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือกำไรที่ได้จากการขายของ
หากเราไม่มีการวางแผนเลยก็อาจจะทำให้ไม่ได้กำไรตรงเป้าที่เราตั้งไว้ เราจึงต้องคิดให้รอบคอบ นึกถึงปัจจัยอื่นๆที่มากระทบอยู่ตลอด และศึกษาคู่แข่งในการทำการตลาดให้มากๆอีกทั้งยังคงที่ต้องปปรับตัวให้ทันแก้เทคโนโลยีที่กำลังจะมาในอนาคตอีกด้วย