ผักเคล Kale ดีอย่างไรทำถึงได้ชื่อว่าเป็น Super Food
ผักเคล คืออะไร ?
ผักเคล (Kale) เป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ของพืชที่เป็นสมาชิกในวงศ์ Brassica oleracea ซึ่งเป็นวงศ์เดียวผักต่างๆ เช่น กะหล่ำดอก (cauliflower), กะหล่ำปลี (cabbage), และบรอกโคลี (broccoli). ผักเคลมีใบใหญ่และมีสีเขียวเข้มถึงม่วงเข้ม และมักนิยมใช้ในอาหารที่หลากหลาย เช่น สลัด, ผัดผักรวม, หรือเพิ่มเข้าไปในสูตรอาหารอื่นๆ ในการทำให้เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร.
ผักเคลมีศักยภาพทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีปริมาณสูงของวิตามิน และแร่ธาตุ เช่น วิตามิน A, C, และ K แม็กนีเซียม, แคลเซียม, และไฟเบอร์ นอกจากนี้ มีสารต้านอนุมูลอิสอย่างคารอทีนอยด์และควีนซีตินที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อโรคหลายๆ ชนิด เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, และโรคเบาหวาน.
ผักเคลมีลักษณะที่มีรสชาติค่อนข้างขมเข้ม และมักจะนำมาทำอาหารเสริม หรือผสมกับอาหารอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้ ผักเคลยังเป็นที่นิยมในวงการอาหารสุขภาพและโดยเฉพาะในอาหารแบบที่มีประโยชน์สูง (superfoods) ที่เชื่อว่ามีผลที่ดีมากสำหรับสุขภาพ.
ในทางที่แท้จริง ผักเคลเป็นอาหารที่คุ้มค่าและเสริมสร้างสุขภาพได้ และควรเป็นส่วนหนึ่งของเมนูอาหารของทุกคนที่ต้องการรักษาสุขภาพที่ดี.
ประโยชน์ของผักเคล
ผักเคล (Kale) เป็นอาหารที่ถือว่าเป็น “ซูเปอร์ฟูด” หรืออาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก นี่คือเหตุผลที่ผักเคลได้รับการยกย่อง:
- โภชนาการสูง: ผักเคลเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามิน A, C, K, แคลเซียม, แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยให้ร่างกายของคุณมีสุขภาพดีและฟื้นตัวได้ดีขึ้น
- สารต้านอนุมูลอิส: ผักเคลเป็นแหล่งกำเนิดสารต้านอนุมูลอิสที่มีประสิทธิภาพ เช่น คารอทีนอยด์และควีนซีติน ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสในร่างกาย
- คาร์โบไฮเดรตและไฟเบอร์: ผักเคลมีคาร์โบไฮเดรตน้อยและไฟเบอร์สูง ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและช่วยสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร
- วิตามิน K: วิตามิน K เป็นสารสำคัญที่ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือดและการรักษาสุขภาพกระดูก
- ความหลากหลายในสารอาหาร: ผักเคลมีสารอาหารหลากหลายที่สามารถช่วยรักษาสุขภาพหลายด้าน เช่น กรดไขมันอิ่มตัวดี (Omega-3), วิตามินบี, และเหล็ก
- ลดความเสี่ยงต่อโรค: การบริโภคผักเคลอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง
- ความสะดวกในการเตรียมอาหาร: ผักเคลง่ายต่อการเตรียมอาหาร สามารถนำมาทำเป็นสลัด, ผัดผักรวม, หรืออาหารคาวต่างๆ ได้โดยง่าย
ดังนั้น หากคุณต้องการเพิ่มผักเคลลงในเมนูอาหารของคุณเพื่อสุขภาพที่ดี ควรบริโภคผักเคลอย่างสม่ำเสมอและควรรวมไปในเมนูอาหารของคุณอย่างเป็นประจำ เพื่อเพิ่มประโยชน์ในด้านสุขภาพของคุณได้อย่างเต็มที่ครับ
ผักเคลช่วยรักษาโรคอะไรบ้าง ?
ผักเคล (Kale) เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีศักยภาพในการช่วยลดความเสี่ยงต่อหลายโรคเนื่องจากมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ดังนี้:
- โรคหัวใจ: ผักเคลมีคารอทีนอยด์และไฟเบอร์ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด.
- โรคเบาหวาน: การบริโภคผักเคลสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดความดันเลือด ที่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน.
- โรคมะเร็ง: ผักเคลมีสารต้านอนุมูลอิสที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่.
- โรคอัลไซเมอร์: ผักเคลมีวิตามิน K ที่ช่วยในกระบวนการ凝าตัวของเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์.
- โรคทางเดินอาหาร: ไฟเบอร์ในผักเคลช่วยปรับสมดุลในระบบทางเดินอาหาร ลดความเสี่ยงต่ออาการท้องอืด ท้องอักเสบ และอาการที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร.
- สุขภาพตา: ผักเคลมีวิตามิน A, C, และลูทีนที่ช่วยปกป้องสุขภาพตา และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตาเสื่อม.
- ความสมบูรณ์ของร่างกาย: ผักเคลมีสารอาหารหลากหลายที่ช่วยเสริมสร้างร่างกาย และสามารถช่วยรักษาความสมดุลในระบบภูมิคุ้มกัน.
การบริโภคผักเคลเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสุขภาพที่ดี แต่ควรระมัดระวังและควบคุมปริมาณการบริโภคให้เหมาะสม เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการที่ต้องการและลดความเสี่ยงต่อโรค
วิธีการกินผักเคล
การกินผักเคล (Kale) สามารถทำได้หลายวิธีและอยู่กับประสบการณ์และความชอบส่วนบุคคลของคุณ นี่คือวิธีการกินผักเคลที่นิยม:
- สลัดผักเคล: ผักเคลเหมาะมากในการทำสลัดสด คุณสามารถทำน้ำสลัดเพื่อเพิ่มรสชาติ สามารถเพิ่มผลไม้หรืออย่างอื่นที่เข้ากับผักเคลได้ รวมถึงเพิ่มเมนูเสริมเข้าไปเช่น ถั่วดำ, ผลไม้แห้ง, หรือเนยถั่ว.
- ผัดผักเคล:: คุณสามารถผัดผักเคลร่วมกับเนื้อ, กุ้ง, หรือเต้าหู้ เพื่อสร้างอาหารคาวอร่อย การเติมเครื่องปรุงรสเช่น น้ำมันมะกอกหรือน้ำตาลหอมจะทำให้รสชาติของผักเคลดียิ่งขึ้น.
- น้ำผักเคล: คุณสามารถใช้ผักเคลในการทำน้ำผัก โดยเพิ่มผักเคลลงไปในหม้อกับน้ำ ต้มจนสุกแล้วบีบน้ำผักออก เนื่องจากความขมของผักเคล คุณอาจต้องเติมน้ำผสมเป็นน้ำตาลหรือน้ำมะนาวเล็กน้อยเพื่อปรับรสชาติ คุณอาจจะทำการปั่นผักเคลจนเป็นสมูทตี้ก็กินเหมือนเป็นน้ำผักและอาจเติมผลไม้ลงไปเพื่อที่จะเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากขึ้นกว่าเดิม
- อาหารเสริม: ผักเคลสามารถใช้ในการทำอาหารเสริมเช่น ปั่น (smoothie), ชนิดผง, หรือบีบน้ำผักเคลให้แห้งและใช้ในสูตรอาหารต่างๆ.
- ผักเคลอบแห้ง: คุณสามารถอบผักเคลให้กรอบและสุกแล้วนำมากินเป็นอาหารทานเล่นหรือขนมได้
ไม่ว่าคุณจะทานผักเคลอย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการล้างผักให้สะอาดก่อนบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค และให้ความสำคัญกับความหลากหลายในการบริโภคผักเคลเพื่อรับประโยชน์ทางโภชนาการที่ครบถ้วนครับ.