เมนู

การใช้ Data Visualization

เคสการใช้ Data Visualization กราฟที่เหมาะและ Tools ที่แนะนำ

data visualization คือ

Data Visualization คือ

data visualization คือ การแสดงข้อมูล (Data Visualization) คือกระบวนการที่ใช้กราฟและแผนภาพต่าง ๆ เพื่อแสดงข้อมูลและข้อมูลทางสถิติให้กับผู้ที่มีความเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว เป็นการแปลงข้อมูลที่มีลักษณะต่าง ๆ เช่น ตัวเลขหรือข้อมูลทางเชิงคำเป็นภาพหรือกราฟที่ช่วยให้ผู้ดูเข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้น การใช้งานข้อมูลแบบนี้มีประโยชน์ในการเข้าใจแนวโน้ม รูปแบบ และความสัมพันธ์ของข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยในการตัดสินใจและการวิเคราะห์ข้อมูลในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้นด้วยข้อมูลที่แสดงในรูปแบบที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายในสายตาของผู้ใช้งาน.

ประโยชน์ของการทำ Data Visualization

ประโยชน์ Data Visualization

การทำ Data Visualization มีประโยชน์มากมาย ซึ่งรวมถึง:

  1. การเข้าใจข้อมูล: การแสดงข้อมูลในรูปแบบกราฟและแผนภาพทำให้ข้อมูลที่ซับซ้อนกลายเป็นรูปภาพที่ชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย ทำให้ผู้ดูเห็นแนวโน้มและข้อมูลสำคัญได้ง่ายขึ้น.
  2. การตัดสินใจ: ข้อมูลที่แสดงในรูปแบบที่สวยงามและกราฟิกช่วยให้ผู้ใช้งานตัดสินใจอย่างมีเหตุผล เนื่องจากสามารถดูแนวโน้มและความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ชัดเจน.
  3. การสื่อสาร: Data Visualization ช่วยให้การสื่อสารข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถแสดงข้อมูลให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.
  4. การค้นพบข้อมูล: การมองข้อมูลในรูปแบบที่แตกต่างกันอาจช่วยให้คุณค้นพบข้อมูลที่ซ่อนอยู่หรือความสัมพันธ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน.
  5. การวิเคราะห์ข้อมูล: การใช้ Data Visualization ช่วยในกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากสามารถระบุแนวโน้มและความสัมพันธ์ได้อย่างชัดเจน.
  6. การนำเสนอข้อมูล: การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Data Visualization ช่วยให้การนำเสนอเป็นไปอย่างมืออาชีพและทำให้ผู้ชมมีความเข้าใจและประทับใจ.
  7. การตรวจสอบคุณภาพข้อมูล: การดูข้อมูลในรูปแบบ Data Visualization ช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องและความเป็นมิตรของข้อมูล.
  8. การทำนาย: การใช้ Data Visualization ช่วยในการสร้างโมเดลและการทำนายแนวโน้มในอนาคต.

สรุปแล้ว Data Visualization เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแสดงและวิเคราะห์ข้อมูลในวิธีที่ทำให้เข้าใจและใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นในธุรกิจและการตัดสินใจ.

รูปแบบ Chart ต่างๆ ที่เหมาะกับ Data Visualization

Data Visualization chart

การเลือกรูปแบบ Chart ที่เหมาะกับ Data Visualization ขึ้นอยู่กับลักษณะข้อมูลและวัตถุประสงค์ของการแสดงผล ดังนี้:

1. แผนภูมิเส้น (Line Chart):

แผนภูมิเส้น (Line Chart):

แผนภูมิเส้น (Line Chart): ใช้สำหรับแสดงแนวโน้มข้อมูลตลอดเวลา เหมาะสำหรับติดตามความเปลี่ยนแปลงของข้อมูลตามเวลา เช่น กราฟราคาหุ้นตลอดเวลา.

2.แผนภูมิแท่ง (Bar Chart):

แผนภูมิแท่ง (Bar Chart)

แผนภูมิแท่ง (Bar Chart): ใช้สำหรับเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างกลุ่มหรือหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น การเปรียบเทียบยอดขายของผลิตภัณฑ์ในแต่ละเดือน.

3.แผนภูมิวงกลม (Pie Chart):

แผนภูมิวงกลม (Pie Chart):

แผนภูมิวงกลม (Pie Chart): ใช้สำหรับแสดงสัดส่วนของข้อมูลในรูปแบบวงกลม เหมาะสำหรับแสดงสัดส่วนของรายได้หรือสรุปส่วนแบ่งของงบประมาณ.

4.แผนภาพการกระจาย (Scatter Plot):

แผนภาพการกระจาย (Scatter Plot):

แผนภาพการกระจาย (Scatter Plot): ใช้สำหรับแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลสองตัวแปร เหมาะสำหรับการหาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของข้อมูล.

5.แผนภูมิแกนต์ (Gantt Chart):

แผนภูมิแกนต์ (Gantt Chart)

แผนภูมิแกนต์ (Gantt Chart): ใช้สำหรับแสดงแผนการทำงานหรือโครงการตามเวลา เหมาะสำหรับการจัดการโครงการ

6.กราฟแมงมุม (Spider Chart)

6.กราฟแมงมุม (Spider Chart)หรือ กราฟเรดาร์ (Radar Chart) :

กราฟแมงมุม (Spider Chart) หรือ กราฟเรดาร์ (Radar Chart) : ใช้สำหรับแสดงข้อมูลหลายตัวแปรในรูปแบบหมวดหมู่เป็นรางในกราฟเดียว เหมาะสำหรับการเปรียบเทียบคุณสมบัติหลายอย่างในหมวดหมู่เดียวกัน.

7.แผนภูมิความถี่ (Histogram):

แผนภูมิความถี่ (Histogram)

แผนภูมิความถี่ (Histogram): ใช้สำหรับแสดงการกระจายของข้อมูลตามช่วงค่าข้อมูล เหมาะสำหรับการทราบความถี่ของข้อมูลในช่วงค่าต่าง ๆ

8.แผนภูมิความสัมพันธ์ (Heatmap):

แผนภูมิความสัมพันธ์ (Heatmap)

แผนภูมิความสัมพันธ์ (Heatmap): ใช้สำหรับแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลในรูปแบบตารางสี ที่มีการเน้นความเข้มสีเพื่อแสดงค่าข้อมูล

9.แผนภูมิภูมิศาสตร์ (Geographic Map):

แผนภูมิภูมิศาสตร์ (Geographic Map)

แผนภูมิภูมิศาสตร์ (Geographic Map): ใช้สำหรับแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เหมาะสำหรับการแสดงตำแหน่งหรือการกระจายของข้อมูลในพื้นที่

การเลือกรูปแบบ Chart ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการให้ข้อมูลน่าสนใจและเข้าใจได้ง่ายใน Data Visualization. ควรพิจารณาว่าลักษณะข้อมูลและวัตถุประสงค์การสื่อสารข้อมูลนั้นเป็นอย่างไรเพื่อเลือกใช้รูปแบบ Chart ที่เหมาะสมที่สุด.

รูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะกับ
Data Visualization

วิธีทำ Sales page
  1. ตาราง (Tables): การใช้ตารางใน Data Visualization ช่วยแสดงข้อมูลอย่างระเบียบและชัดเจน มีความเหมาะสำหรับแสดงข้อมูลที่ต้องการให้ผู้ใช้สามารถค้นหาค่าข้อมูลที่แน่นอนได้ง่าย ๆ และเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างแถวและคอลัมน์.
  2. แผนที่ (Maps): การใช้แผนที่ใน Data Visualization ช่วยในการแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เช่น การแสดงการกระจายของข้อมูลในรูปแบบแผนที่ หรือการแสดงข้อมูลที่เชื่อมโยงกับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับที่ตั้ง.
  3. อินโฟกราฟิก (Infographics): การใช้อินโฟกราฟิกใน Data Visualization ช่วยในการนำเสนอข้อมูลอย่างสรุปและน่าสนใจ โดยอินโฟกราฟิกจะรวมข้อมูล, กราฟ, รูปภาพ, และข้อความในรูปแบบที่สร้างสรรค์เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและน่าสนใจ.
  4. แดชบอร์ด (Dashboards): การใช้แดชบอร์ดใน Data Visualization ช่วยในการรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและแสดงผลในรูปแบบหน้าจอเดียว โดยผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและแนวโน้มได้ในระดับสรุปและรายละเอียดตามความต้องการ. แดชบอร์ดมักใช้ในการติดตามสถานะและการบริหารจัดการข้อมูลองค์กร.

การเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับ Data Visualization ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการแสดงผลและลักษณะข้อมูลที่มีอยู่ เนื่องจากแต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ควรพิจารณาตรงตามความต้องการเพื่อให้การแสดงผลข้อมูลมีประสิทธิภาพและช่วยในการตัดสินใจและการทำความเข้าใจข้อมูลได้ดีที่สุด.

แนะนำ 3 เครื่องมือ Data Visualization

เครื่องมือ Data Visualization

นี่คือบางเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับ Data Visualization ที่คุณสามารถใช้งาน:

1.Tableau:

Tableau เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถในการสร้างกราฟและแผนที่แบบแอนิเมชันและมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่นฐานข้อมูลและไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ

2.Microsoft Power BI:

Power BI เป็นเครื่องมือ Data Visualization ที่มีประสิทธิภาพ สามารถนำข้อมูลมาแสดงผลในรูปแบบกราฟและแผนที่ได้อย่างสวยงามและออกแบบแบบแอนิเมชัน.

3.Google Data Studio:

เป็นเครื่องมือสร้างรายงานและแผนภูมิแบบออนไลน์ที่ใช้งานง่าย โดยสามารถนำเข้าข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Google Sheets, Google Analytics, และ BigQuery.

4.QlikView / Qlik Sense:

สำหรับธุรกิจที่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลที่ละเอียด และใช้ในการตัดสินใจ เครื่องมือจาก QlikTech นี้เป็นตัวเลือกที่ดี.

เทคนิกการทำ Data Visualization ให้น่าสนใจ

เทคนิกการทำ Data Visualization

การทำ Data Visualization ให้น่าสนใจเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ข้อมูลของคุณมีผลกระทบและประสิทธิภาพต่อผู้ดู นี่คือเทคนิกบางอย่างที่คุณสามารถใช้เพื่อทำให้ Data Visualization น่าสนใจมากขึ้น:

  1. เลือกข้อมูลที่เหมาะสม: เลือกข้อมูลที่มีความสำคัญและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของคุณในการแสดงผล เลือกข้อมูลที่ทำให้ผู้ดูเข้าใจและเรียนรู้สิ่งใหม่ได้.
  2. ออกแบบกราฟและแผนที่ที่เหมาะสม: พิจารณาว่าแบบกราฟหรือแผนที่ใดเหมาะกับข้อมูลและข้อความของคุณ สร้างกราฟที่เป็นมิติและมีสีสันที่น่าสนใจ.
  3. ใช้สีอย่างมีประสิทธิภาพ: การใช้สีให้ถูกต้องสามารถเน้นข้อมูลสำคัญและทำให้ผู้ดูเข้าใจได้ง่าย ระมัดระวังการใช้สีสันที่มากเกินไปที่อาจทำให้ข้อมูลสับสน.
  4. เพิ่มข้อมูลสื่อเสริม: ใช้ข้อความ, ภาพถ่าย, แท็ก, หรือเส้นตารางเพื่ออธิบายและเพิ่มความเข้าใจในข้อมูลของคุณ.
  5. การจัดเรียงและการกระจายข้อมูล: จัดเรียงและกระจายข้อมูลบนกราฟหรือแผนที่ให้เรียบร้อยและอ่านง่าย ลดความรกร้างในการมองข้อมูล.
  6. ใช้การเน้นข้อมูลสำคัญ: ใช้การเน้นสีหรือสัญลักษณ์เพื่อเน้นข้อมูลสำคัญหรือจุดสำคัญใน Data Visualization.
  7. การเพิ่มความสมบูรณ์: เพิ่มข้อมูลสถิติสำคัญ เช่น ค่าเฉลี่ย ค่าสูงสุด หรือค่าต่ำสุด เพื่อเพิ่มความเข้าใจและความน่าสนใจในข้อมูล.
  8. การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ: คุณสามารถใช้เทคโนโลยีที่เป็นกระบวนการการสร้างและแสดงผลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นการใช้ Interactive Dashboard หรือการสร้าง Animation เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงข้อมูลตลอดเวลา.
  9. การทดสอบและปรับปรุง: ทดสอบการแสดงผลกับกลุ่มเป้าหมายและรับความคิดเห็น เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการ Data Visualization.

การใช้เทคนิกเหล่านี้จะช่วยให้ Data Visualization ของคุณน่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสื่อสารข้อมูลและการตัดสินใจ.

เคสการใช้ Data Visualization ที่ได้ผลดี

จัดการ เสื้อผ้า

มีหลายเคสที่การใช้ Data Visualization ได้โด่งดังและมีผลกระทบที่ดีในเรื่องต่าง ๆ เช่น 

  1. การติดตามการระบาดของ COVID-19: ในช่วงการระบาดของ COVID-19, การใช้แผนที่และกราฟในการแสดงผลการระบาดของไวรัสได้รับความสนใจมาก เป็นตัวช่วยในการติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อ, อัตราการติดตาม, และการแพร่ระบาดของโรคในระหว่างประเทศ.
  2. การแสดงผลข้อมูลการเลือกตั้ง: ในการเลือกตั้งทั่วโลก, Data Visualization ถูกใช้ในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการโหวตและผลการเลือกตั้ง ทำให้ผู้ดูเข้าใจแนวโน้มการโหวตและการแบ่งเสียงได้อย่างชัดเจน.
  3. การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ: ธุรกิจใช้ Data Visualization ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการขาย, ฐานลูกค้า, และกำไรขาดทุน เพื่อช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ธุรกิจ.
  4. การสร้างสื่ออินโฟกราฟิก: ในสื่อออนไลน์และพิมพ์, การใช้ Data Visualization ในรูปแบบอินโฟกราฟิกช่วยให้ข้อมูลสามารถนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ เช่น กราฟข้อมูลในรายงานข่าวหรือบทความ.
  5. การวิเคราะห์ข้อมูลสาธารณะ: องค์กรรัฐบาลและหน่วยงานทางรัฐใช้ Data Visualization ในการแสดงผลข้อมูลสาธารณะ เช่น การแสดงข้อมูลทางสุขภาพ, การศึกษา, และการงานบริการสาธารณะ.
  6. การวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน: บริษัททางการเงินใช้ Data Visualization เพื่อให้ลูกค้าสามารถดูและวิเคราะห์การลงทุนและการเงินส่วนบุคคลได้อย่างชัดเจน.
  7. การวิเคราะห์ข้อมูลวิทยาศาสตร์: ในวงการวิทยาศาสตร์และวิจัย, Data Visualization ช่วยในการแสดงผลข้อมูลการวิจัย เช่น การแสดงผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์และความสัมพันธ์ของข้อมูล.
  8. การติดตามแนวโน้มสังคม: ในสื่อสังคมออนไลน์, Data Visualization ใช้ในการแสดงผลข้อมูลทางสังคม เช่น การแสดงสถิติผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหรือการวิเคราะห์การกระจายของแท็กสำหรับโพสต์ทางสังคม.

เคสเหล่านี้เป็นตัวอย่างของการใช้ Data Visualization ในสาขาต่าง ๆ และการนำเสนอข้อมูลอย่างน่าสนใจและมีประสิทธิภาพต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณ.

ทางลัดไปเมนูต่าง ๆ