เมนู

live ขายของออนไลน์ ขายสินค้า

BOM หรือ Bill of Materials คืออะไร ดีอย่างไร ?

BOM หรือ Bill of Materials คือเอกสารหรือรายการที่ระบุรายละเอียดของวัสดุและส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือสินค้า โดยรวมถึงปริมาณและรายละเอียดเทคนิค เช่น วัสดุที่ใช้ จำนวนชิ้น ขนาด ราคา และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดย BOM เป็นเอกสารที่สำคัญในกระบวนการผลิตและการจัดหาวัสดุ เพื่อให้สามารถวางแผนการผลิตและการจัดซื้อวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่กำลังผลิตหรือจะผลิตขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ BOM ยังช่วยในการควบคุมค่าใช้จ่ายและการจัดการคงคลังวัสดุในองค์กรด้วยความเป็นมาตรฐานและเป็นระบบ

แผนผัง BOM เริ่มจาก Level 0

แผนผัง BOM

แผนผัง BOM (Bill of Materials) เริ่มต้นที่ Level 0 และสามารถแบ่งเป็นระดับต่าง ๆ ตามระดับของวัสดุหรือส่วนประกอบที่มีความละเอียดต่าง ๆ ดังนี้:

BOM Level 0 (ระดับ 0):

  • ระดับ 0 คือระดับที่สูงสุดในแผนผัง BOM ซึ่งระบุผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่จะผลิตโดยไม่มีรายละเอียดของวัสดุหรือส่วนประกอบย่อย ๆ ในนามของผลิตภัณฑ์เท่านั้น ซึ่งมักจะมีรายการชื่อผลิตภัณฑ์และรายละเอียดเบื้องต้นเช่น ชื่อผลิตภัณฑ์และรหัสผลิตภัณฑ์

BOM Level 1 (ระดับ 1):

  • ระดับ 1 คือระดับที่ต่ำกว่า Level 0 และระบุวัสดุหรือส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ โดยมักจะระบุชื่อของวัสดุหรือส่วนประกอบ ปริมาณที่ใช้ และหน่วยวัด เช่น เหล็ก 10 ชิ้น

BOM Level 2 (ระดับ 2):

  • ระดับ 2 เป็นระดับที่ต่ำกว่า Level 1 และระบุรายละเอียดของวัสดุหรือส่วนประกอบที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น อาจระบุวัสดุหรือส่วนประกอบย่อย ๆ ที่ใช้ในการผลิตวัสดุหรือส่วนประกอบหลัก และรายละเอียดเทคนิคเพิ่มเติม เช่น ขนาด รูปร่าง หรือรายละเอียดวัสดุ

BOM Level 3 (ระดับ 3) และระดับที่สูงขึ้น:

  • ระดับต่ำกว่า 2 ยิ่งละเอียดมากขึ้น โดยระบุวัสดุหรือส่วนประกอบย่อย ๆ ที่ใช้ในการผลิตวัสดุหรือส่วนประกอบระดับ 2 และอาจมีระดับต่อไปอีกตามความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์

การใช้แผนผัง BOM ช่วยในการจัดการการผลิตและการจัดหาวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำให้ง่ายต่อการวางแผน การควบคุมค่าใช้จ่าย และการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่ผลิตขึ้นมา

ข้อดีและข้อเสียของ BOM

จุดเด่นของ BOM

จุดเด่นของ BOM:

  1. ความชัดเจนในรายละเอียด: BOM ช่วยให้มีความชัดเจนในรายละเอียดของวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิต ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจและการสื่อสารระหว่างทีมงาน.
  2. การวางแผนการผลิต: BOM ช่วยในการวางแผนกระบวนการผลิตและการตรวจสอบการสั่งผลิตว่ามีวัสดุและส่วนประกอบที่เพียงพอในการผลิตผลิตภัณฑ์.
  3. การจัดการค่าใช้จ่าย: โดยที่ BOM ระบุรายละเอียดราคาและปริมาณของวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ ทางธุรกิจสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตและการจัดหาวัสดุได้อย่างแม่นยำ.
  4. การจัดการคงคลัง: BOM ช่วยในการติดตามคงคลังวัสดุ ทำให้สามารถควบคุมการจัดหาและเตรียมความพร้อมในการผลิต.
  5. การตรวจสอบคุณภาพ: ด้วยการระบุวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ใน BOM ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบคุณภาพและการทดสอบผลิตภัณฑ์.
  6. การปรับปรุงผลิตภัณฑ์: ที่มี BOM อัปเดตและชัดเจน ทางธุรกิจสามารถทำการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

จุดด้อยของ BOM:

  1. ความซับซ้อน: การรักษาและอัปเดต BOM สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนอาจเป็นงานที่ซับซ้อนและเสียเวลา.
  2. การเปลี่ยนแปลง: หากมีการเปลี่ยนแปลงในผลิตภัณฑ์หรือการส่งมอบสินค้า จะต้องมีการปรับปรุง BOM ในที่สุด.
  3. การควบคุมการเข้าถึง: การควบคุมการเข้าถึงและการแก้ไข BOM เพื่อป้องกันข้อมูลจากการถูกแก้ไขโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์อาจเป็นปัญหา.
  4. ความเสี่ยงของข้อมูล: ข้อมูลใน BOM จำเป็นต้องเป็นความจริงและถูกต้องเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการผลิต.
  5. ความซับซ้อนในการใช้งาน: การใช้งาน BOM อาจต้องใช้ระบบหรือซอฟต์แวร์เพื่อทำให้ง่ายต่อการจัดการและอัปเดต.
  6. ต้องการการบำรุงรักษา: BOM ต้องถูกบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันและถูกต้อง.

โดยรวม BOM เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจัดการและวางแผนการผลิตและการจัดหาวัสดุ แต่ต้องระมัดระวังในการรักษาความถูกต้องและความเป็นปัจจุบันของข้อมูลเพื่อป้องกันปัญหาในกระบวนการผลิตและการจัดหาวัสดุ.

ประเภทของ Bill of Materials

ประเภทของ Bill of Materials

Bill of Materials (BOM) มีหลายประเภทตามวัตถุประสงค์และลักษณะของธุรกิจ โดยมีประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

  1. BOM ระดับผลิตภัณฑ์ (Product BOM): ประเภทนี้ระบุรายละเอียดของวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือสินค้าในระดับสูงสุด ซึ่งอาจเรียกว่า “BOM ระดับ 0” หรือ “Top-Level BOM” ด้วย รายการใน BOM ระดับผลิตภัณฑ์จะรวมถึงรายละเอียดเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ เช่น ชื่อ รหัส และประเภท.
  2. BOM ระดับวัสดุ (Material BOM): ประเภทนี้ระบุรายการของวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือสินค้า ในระดับที่ละเอียดมากขึ้น รวมถึงปริมาณที่ใช้แต่ละวัสดุและส่วนประกอบ เป็น BOM ที่ใช้ในกระบวนการผลิตจริง.
  3. BOM ระดับองค์กร (Enterprise BOM): ประเภทนี้ระบุรายการวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในองค์กรทั้งหมด ไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์หรือสินค้า แต่รวมถึงวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ ใช้ในการจัดการคงคลังและการสั่งซื้อวัสดุ.
  4. BOM ระดับแบบ (Configurable BOM): ประเภทนี้มีความยืดหยุ่นในการเลือกวัสดุหรือส่วนประกอบในกระบวนการผลิต โดยอาจมีตัวเลือกหลายรูปแบบสำหรับผลิตภัณฑ์เดียวกัน เช่น การเลือกวัสดุในการผลิตรถยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ.
  5. BOM ระดับคู่มือ (Service BOM): ประเภทนี้ระบุวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในการบริการหรือการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ แบบนี้มักพบในธุรกิจที่ให้บริการหลังการขาย เช่น การบริการซ่อมแซม.
  6. BOM ระดับโครงสร้าง (Structural BOM): ประเภทนี้ระบุโครงสร้างหรือโครงสร้างหลักของผลิตภัณฑ์ โดยไม่ระบุรายละเอียดของวัสดุและส่วนประกอบ ใช้ในการแสดงโครงสร้างของผลิตภัณฑ์.
  7. BOM ระดับกระบวนการ (Process BOM): ประเภทนี้ระบุรายการกระบวนการหรือขั้นตอนในการผลิตผลิตภัณฑ์ โดยไม่ระบุรายละเอียดของวัสดุและส่วนประกอบ ใช้ในการวางแผนกระบวนการผลิต.
  8. BOM ระดับชุด (Kit BOM): ประเภทนี้ระบุชุดของวัสดุและส่วนประกอบที่ถูกแพ็คเข้ารวมกันเป็นชุดเพื่อใช้ในการผลิต ซึ่งชุดนี้อาจถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์หลายรายการ.

การเลือกประเภทของ BOM ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากจะมีผลต่อกระบวนการผลิต การจัดการคงคลัง และการวางแผนการผลิตขององค์กรของคุณ.

ส่วนประกอบของ BOM ที่ควรจะมี

จัดการ เสื้อผ้า

Bill of Materials (BOM) มีหลายประเภทตามวัตถุประสงค์และลักษณะของธุรกิจ โดยมีประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

  1. BOM ระดับผลิตภัณฑ์ (Product BOM): ประเภทนี้ระบุรายละเอียดของวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือสินค้าในระดับสูงสุด ซึ่งอาจเรียกว่า “BOM ระดับ 0” หรือ “Top-Level BOM” ด้วย รายการใน BOM ระดับผลิตภัณฑ์จะรวมถึงรายละเอียดเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ เช่น ชื่อ รหัส และประเภท.
  2. BOM ระดับวัสดุ (Material BOM): ประเภทนี้ระบุรายการของวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือสินค้า ในระดับที่ละเอียดมากขึ้น รวมถึงปริมาณที่ใช้แต่ละวัสดุและส่วนประกอบ เป็น BOM ที่ใช้ในกระบวนการผลิตจริง.
  3. BOM ระดับองค์กร (Enterprise BOM): ประเภทนี้ระบุรายการวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในองค์กรทั้งหมด ไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์หรือสินค้า แต่รวมถึงวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ ใช้ในการจัดการคงคลังและการสั่งซื้อวัสดุ.
  4. BOM ระดับแบบ (Configurable BOM): ประเภทนี้มีความยืดหยุ่นในการเลือกวัสดุหรือส่วนประกอบในกระบวนการผลิต โดยอาจมีตัวเลือกหลายรูปแบบสำหรับผลิตภัณฑ์เดียวกัน เช่น การเลือกวัสดุในการผลิตรถยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ.
  5. BOM ระดับคู่มือ (Service BOM): ประเภทนี้ระบุวัสดุและส่วนประกอบที่ใช้ในการบริการหรือการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ แบบนี้มักพบในธุรกิจที่ให้บริการหลังการขาย เช่น การบริการซ่อมแซม.
  6. BOM ระดับโครงสร้าง (Structural BOM): ประเภทนี้ระบุโครงสร้างหรือโครงสร้างหลักของผลิตภัณฑ์ โดยไม่ระบุรายละเอียดของวัสดุและส่วนประกอบ ใช้ในการแสดงโครงสร้างของผลิตภัณฑ์.
  7. BOM ระดับกระบวนการ (Process BOM): ประเภทนี้ระบุรายการกระบวนการหรือขั้นตอนในการผลิตผลิตภัณฑ์ โดยไม่ระบุรายละเอียดของวัสดุและส่วนประกอบ ใช้ในการวางแผนกระบวนการผลิต.
  8. BOM ระดับชุด (Kit BOM): ประเภทนี้ระบุชุดของวัสดุและส่วนประกอบที่ถูกแพ็คเข้ารวมกันเป็นชุดเพื่อใช้ในการผลิต ซึ่งชุดนี้อาจถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์หลายรายการ.

การเลือกประเภทของ BOM ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากจะมีผลต่อกระบวนการผลิต การจัดการคงคลัง และการวางแผนการผลิตขององค์กรของคุณ.

ทางลัดไปเมนูต่าง ๆ