เทรนด์ด้านการตลาดและสินค้าที่ห้ามพลาด
1.เทรนด์การขายสินค้าออนไลน์
สินค้าเสื้อผ้าและแฟชั่นออนไลน์
- เสื้อผ้าแฟชั่นที่ทันสมัยและมีคุณภาพดี
- รองเท้าและกระเป๋าที่มีดีไซน์ทันสมัยและความทนทาน
- เครื่องประดับและเครื่องหนังที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์
สินค้าที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีออนไลน์
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต
- อุปกรณ์สำหรับการเล่นเกมออนไลน์ เช่น คอนโซลเกม อุปกรณ์เสริม
- ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น อุปกรณ์เสริม AI และเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม
สินค้าที่เกี่ยวกับการเรียนรู้และบันเทิงออนไลน์
- หนังสือออนไลน์และวรรณกรรมที่มีสาระและความบันเทิง
- คอร์สออนไลน์เพื่อการเรียนรู้
สินค้าที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายและการสุขภาพ
- อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ใช้ได้ทั้งภายในและนอกบ้าน
- อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษาสุขภาพ
- แอปพลิเคชันและอุปกรณ์สำหรับการตรวจวัดสุขภาพ
สินค้าที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการพักผ่อน
- บริการจองโรงแรมและที่พักออนไลน์
- ทัวร์และกิจกรรมท่องเที่ยวที่ทันสมัยและน่าสนใจ
- อุปกรณ์และสิ่งของที่เกี่ยวกับการเดินทางและการพักผ่อน
สินค้าที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและความงาม
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเครื่องสำอางที่ทันสมัยและมีคุณภาพ
- อุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการดูแลเส้นผมและเล็บ
- สินค้าที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและจิตใจ
2.เทรนด์สินค้าเพื่อความยั่งยืน
เทรนด์สินค้าเพื่อความยั่งยืนและความยั่งยืนนั้น โดยเทรนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าที่สามารถใช้ได้นานคงทนถาวร นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องกับสินค้า ที่ผลิตด้วยพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น
ซึ่งเราจะเห็นเทรนเพื่อความยั่งยืน นี้ได้จากหลายๆธุรกิจตัวอย่างเช่นธุรกิจที่รณรงค์การใช้สินค้าในท้องถิ่น หรือธุรกิจที่แนะนำให้ใช้สินค้าคุณภาพดีซ้ำและไม่เปลี่ยนบ่อย แทนการใช้สินค้าที่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
3. เทรนด์การบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเพื่อสิ่งแวดล้อม
เทรนด์การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น ในปัจจุบันเราจะเห็นหลายๆที่รณรงค์ เพื่อลดโลกร้อนหรือเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างที่เราจะเห็นได้หลายๆครั้งก็คือการงดใช้ถุงพลาสติก หรือการรณรงค์เลิกใช้หลอด
เทรนด์เหล่านี้จะทำให้ แบรนด์ต่างๆที่รณรงค์หรือแบรนด์ที่นำเทรนด์นี้มาใช้ ผู้บริโภคจะรู้สึกได้ว่าแบรนด์เหล่านี้หรือบริษัทเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังทำให้ สามารถสร้างแบรนด์และทำให้แบรนด์ที่จดจำได้ดีขึ้น
4. การส่งเสริมการจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัยในการซื้อสินค้าออนไลน์
เทรนด์การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น ในปัจจุบันเราจะเห็นหลายๆที่รณรงค์ เพื่อลดโลกร้อนหรือเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างที่เราจะเห็นได้หลายๆครั้งก็คือการงดใช้ถุงพลาสติก หรือการรณรงค์เลิกใช้หลอด
เทรนด์เหล่านี้จะทำให้ แบรนด์ต่างๆที่รณรงค์หรือแบรนด์ที่นำเทรนด์นี้มาใช้ ผู้บริโภคจะรู้สึกได้ว่าแบรนด์เหล่านี้หรือบริษัทเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังทำให้ สามารถสร้างแบรนด์และทำให้แบรนด์ที่จดจำได้ดีขึ้น
5. การนำเสนอสินค้าและการตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างความสุขให้ผู้บริโภค
เทรนด์การนำเสนอ สินค้าเพื่อเน้นการสร้างความสุขให้กับผู้บริโภคจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกเป็นมิตรและรู้สึกดีต่อบริษัทหรือแบรนด์นั้นๆมากยิ่งขึ้น เพราะบริษัทไหนก็ตามที่บอกจะสร้างความสุขให้กับผู้ซื้อ ก็จะทำให้ผู้ซื้อรู้สึกมีถึงความเป็นมิตรของร้านค้าหรือบริษัทนั้นๆมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น “ร้าน A เขียนว่ารอยยิ้มของผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ร้านเราต้องการ “ ซึ่งแน่นอนว่าร้านเอไม่ได้โปรโมทหรือโฆษณาสินค้าอะไรของตัวเองก็ตาม แต่ผู้บริโภคที่มากินบางส่วนอาจจะรู้สึกดีหรืออยากแวะเวียนมาอุดหนุนหรือมากินอาหารที่ร้านนี้อีก
6. การใช้เทคโนโลยีในการตลาดและการโฆษณา
ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ทำให้เทคโนโลยีส่งผลกับการตลาดและการโฆษณาเป็นอย่างมาก โดยเทรนด์การใช้เทคโนโลยีในการทำการตลาดหรือการโฆษณาอาจไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ในปัจจุบัน เทรนด์การใช้เทคโนโลยีก็มีอยู่ตลอด ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยในเรื่องการตลาดและการโฆษณาเป็นอย่างมาก
ตัวอย่างเช่น การใช้ AI ในการช่วยทำการตลาด การใช้แชทบอทเพื่อช่วยในการตอบลูกค้า หรือการใช้ท่อช่องทาง Social Media ในการโปรโมท แน่นอนว่าเทรนด์ในเรื่องการใช้เทคโนโลยีในการทำการตลาดนั้น ก็จะมีเรื่องใหม่ๆมาทุกปี ทำให้ต้องติดตามเทรนด์นี้อย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา
7. การใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลในการตลาด
เทรนด์การใช้ข้อมูลต่างๆมาทำการตลาด นั้นถือเป็นเทรนใหม่ที่กำลังมาแรงเป็นอย่างมาก โดยในปัจจุบันมีอาชีพหลายอย่างตัวอย่างเช่นนักวิเคราะห์ข้อมูล นักจัดหาข้อมูลหรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล เพราะข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากนั้นหาก วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างดีและเป็นระบบจะทำให้สามารถบอกอะไรได้หลายๆอย่างตัวอย่างเช่น การจัดโปรโมชั่น เวลาที่ควรเปิดเวลาที่ควรปิด ช่วงที่มีลูกค้ามาก ช่วงที่มีลูกค้าน้อย หรืออาจบอกได้ว่าแคมเปญในอนาคตจะดีหรือไม่ดีนั่นเอง
8. เทรนด์การนำเสนอสินค้าผ่านวิดีโอและสตอรี่
เทรนด์การนำเสนอสินค้าผ่านวิดีโอหรือ Story ถือเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงในช่วงไม่นานมานี้ ซึ่งเทรนด์นี้จะอยู่คู่กับเรื่อง Influencer หรือผู้มีชื่อเสียง นั่นเอง โดยหลายๆบริษัทร้านค้าหรือแบรนด์ มักจะใช้ influencer มาช่วยในการทำการตลาด
โดยจะเน้น ความสมจริงและการเข้าถึงได้ของผู้คนมาใช้งาน โดยให้ influencer ที่มีผู้ติดตามทั้งจำนวนเยอะหรือไม่เยอะ ช่วยทำการตลาดโดยลงบทความ รูปหรือรีวิวต่างๆ ว่าได้ใช้งานสินค้าเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่า influencer อาจไม่จำเป็นต้องเป็นดาราดัง อาจเป็นคนธรรมดาที่มีผู้ติดตามเยอะก็เป็นได้ทำให้โฆษณาสินค้ามีความสมจริง
9. การสร้างชุมชนออนไลน์เพื่อสนับสนุนการขายสินค้า
เราสามารถเห็นเทรนด์การสร้างชุมชนออนไลน์เพื่อสนับสนุนการขายสินค้าได้จากหลายๆที่ กลุ่ม Facebook LINE กลุ่ม Instagram หรือ Twitter ซึ่งการสร้างชุมชนออนไลน์ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจต่างๆ เพราะชุมชนออนไลน์ในบางครั้งก็ไม่ต่างกับแฟนคลับ
เทรนด์การสร้างชุมชนออนไลน์ ถือเป็นสิ่งที่มีมานานแล้วเพราะการสร้างชุมชนออนไลน์ถือเป็นการตลาดที่สามารถเห็นผลได้ชัดเจนและนอกจากนั้น หากเราสร้างชุมชนออนไลน์ได้สำเร็จและเป็นผู้ควบคุมชุมชนนั้นๆ ก็สามารถขายสินค้าและบริการได้อย่างเต็มที่
ตัวอย่างเช่น เราเป็นบริษัทขายจักรยาน เลยสร้างกลุ่ม Facebook สำหรับการขายจักรยานขึ้นมา หลังจากที่เกิดชุมชนออนไลน์ที่ดีขึ้นแล้วเราก็สามารถโปรโมทและขายสินค้าในชุมชนนั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น
10. เทรนด์การช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
เทรนด์เทรนการซื้อสินค้าจาก Social Media ถือเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมาและมาแรงเป็นอย่างมากในช่วงหลายๆปีนี้ และแน่นอนว่าเทรนด์นี้น่าจะอยู่อีกนาน เพราะการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสามารถทำได้ง่าย
นอกจากนั้นผู้ขาย ที่เป็นคนขายสินค้ายังสามารถพูดคุยและหาลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยแน่นอนว่าในปัจจุบันก็มีร้านค้าในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ขายหน้าใหม่ก็ยากที่จะขายแข่งกับผู้ขายเจ้าเก่าที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว
11. การตลาดแบบมุ่งหวังสร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรม
เทรนด์การตลาดที่สร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรม เทรนด์นี่ถือเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง ในยุคนี้ เพราะในปัจจุบันมีเสรีภาพและ ผู้คนสามารถเข้าถึงเรื่องต่างๆได้มากยิ่งขึ้น ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ถือเป็นหนึ่งในจุดขายของหลายๆแบรนด์และของหลายๆที่นั่นเอง