10 ทำเลขายไม่ค่อยดี

10 ลักษณะทำเลที่ขายไม่ค่อยดีในตลาดและ 5 วิธีช่วยแก้

ตลาดเป็นศูนย์กลางของกิจกรรม ซึ่งผู้ขายและลูกค้ามารวมตัวกันเพื่อซื้อและขายสินค้า อย่างไรก็ตาม มีสถานที่บางแห่งในตลาดที่ยอดขายไม่ดีนัก โดยลักษณะสำคัญของทำเลหรือสถานที่ดังกล่าวมีอยู่มากมายหลายแบบ 

10 ลักษณะทำเลที่ขายไม่ค่อยดี

รถฟู้ดทรัคและร้าน

1.ทัศนวิสัยไม่ดี 

ทัศนวิสัยไม่ดี เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ขายที่พยายามขายผลผลิตของตน บ่อยครั้ง ผู้ขายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งถูกซ่อนหรือกีดขวางจากการมองเห็น ทำให้ยากต่อการดึงดูดลูกค้า ลูกค้ามักจะมุ่งไปยังพื้นที่ที่มองเห็นและเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ผู้ขายในสถานที่ที่มีทัศนวิสัยต่ำขายของได้ยาก

2.การจราจรที่จำกัด 

การจราจรที่จำกัดเป็นอีกลักษณะหนึ่งของสถานที่ที่ขายไม่ดีในตลาด พื้นที่ที่อยู่ห่างจากทางสัญจรหลักหรือไม่ค่อยมีลูกค้าแวะเวียนมามักจะมียอดขายลดลง ผู้ขายในพื้นที่เหล่านี้อาจพบกับความยากในการหาลูกค้าหรือการที่มีลูกค้าประจำที่แวะเวียนมาซื้อสินค้าอยู่เสมอ 

3. มลพิษทางเสียง

ตลาดอาจจอแจไปด้วยเสียงรบกวน แต่มลพิษทางเสียงที่มากเกินไปอาจเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับลูกค้า ผู้จำหน่ายที่ตั้งอยู่ใกล้กับลำโพง เครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องจักรอาจประสบปัญหาในการสื่อสารกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยอดขายลดลง เพื่อแก้ปัญหานี้ ผู้ขายอาจต้องพิจารณาย้ายไปยังพื้นที่ที่เงียบกว่าภายในตลาด

4. แสงน้อย

หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขายสินค้าคือความสามารถในการมองเห็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน

ผู้ขายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงน้อยอาจพบว่าเป็นการยากที่จะดึงดูดลูกค้า เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอาจมองเห็นได้ยากหรือดูน่าสนใจน้อยลง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้ขายอาจต้องลงทุนเพิ่มแสงสว่างหรือพิจารณาย้ายไปยังพื้นที่ที่มีแสงสว่างดีกว่าภายในตลาด

5. การเข้าถึงไม่ดี

สถานที่ตั้งภายในตลาดที่เข้าถึงได้ยากหรืออยู่ในทำเลที่ไม่สะดวกอาจมียอดขายต่ำกว่าสถานที่ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่น ผู้ขายที่อยู่ไกลจากทางเข้าหรือในบริเวณที่มีป้ายบอกทางไม่ดีอาจพยายามดึงดูดลูกค้าใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้ขายอาจต้องทำงานร่วมกับฝ่ายบริหารตลาดเพื่อปรับปรุงป้ายหรือพิจารณาย้ายที่ตั้งที่โดดเด่นกว่าภายในตลาด

6. การขาดความสะอาด

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ส่งผลต่อการขายในตลาดคือความสะอาดของสถานที่ ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์จากสภาพแวดล้อมที่สะอาดและถูกสุขลักษณะ 

สถานที่ที่สกปรกและไม่ถูกสุขลักษณะสามารถนำไปสู่การขาดความเชื่อถือและความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ที่ขาย ดังนั้น ผู้ขายจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาพื้นที่ให้สะอาดและเป็นระเบียบด้วยการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแผงขายและผลิตภัณฑ์เป็นประจ

7.การขาดความหลากหลาย 

อาจทำให้ยอดขายในตลาดตกต่ำได้เช่นกัน ลูกค้าจะถูกดึงดูดไปยังตลาดที่มีผลิตผลและสินค้าที่หลากหลาย ผู้ขายในสถานที่ที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายอาจมีปัญหาในการดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขาย

8. การแสดงสินค้าไม่ดี

อีกปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการขายในตลาดคือการแสดงสินค้าที่ไม่ดี ลูกค้าต่างสนใจผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดสายตาซึ่งนำเสนอในลักษณะที่เป็นระเบียบและน่าดึงดูดใจ ผู้ขายควรทำเลที่สามารถแสดงสินค้าให้โดดเด่นได้ 

เพื่อที่จะให้การจัดเรียงสินค้าของตนให้สวยงาม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้าสามารถมองเห็นได้และเข้าถึงได้สำหรับลูกค้า นอกจากนี้ การติดฉลากผลิตภัณฑ์ด้วยราคา แหล่งที่มา และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ สามารถช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเมื่อซื้อ

9. พื้นที่เล็กหรือแคบเกินไป

ขนาดของสถานที่ในตลาดและทำเล ก็ส่งผลต่อยอดขายได้เช่นกัน พื้นที่ขนาดเล็กหรือแคบอาจทำให้ผู้ขายแสดงผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ยาก และอาจนำไปสู่ความแออัดยัดเยียดและความระส่ำระสาย ลูกค้าอาจรู้สึกลำบากในการนำทางผ่านพื้นที่แคบ และมีโอกาสน้อยที่จะซื้อสินค้าในสภาวะดังกล่าว ดังนั้น ผู้ขายจึงต้องเลือกสถานที่ที่มีพื้นที่เพียงพอในการแสดงสินค้าอย่างชัดเจนและเป็นระเบียบ

10.มลพิษทางอากาศ 

หลายๆทำเลที่ มีมลพิษทางอากาศตัวอย่างเช่น มีกลิ่นเหม็น มีกลิ่นอับ หรือจุดที่มีกลิ่นฉุน ถือเป็นหนึ่งในทำเลที่ผู้คนไม่ค่อยอยากเดินผ่านเพราะลูกค้าไม่อยากที่จะเข้าใกล้หรือได้กลิ่นนอกจากนั้นผู้ขายแทบทุกคนก็คงไม่อยากที่จะได้กลิ่นที่ไม่ดีเหมือนกัน

ทำให้ทำเลที่อยู่ใกล้ๆ จุดที่มีมลพิษทางอากาศนั้นถือเป็น ทำเลที่ไม่ดี ซึ่งแน่นอนว่าทำเลพวกนี้มักจะเป็นจุดที่อยู่ใกล้กองขยะ ถังขยะขนาดใหญ่ ท่อน้ำทิ้งที่มีกลิ่นเหม็น หรือื่นๆ

5 วิธีช่วยขายของในทำเลที่ไม่ค่อยดี

จัดการ เสื้อผ้า

การขายของในตลาดสดในทำเลที่ไม่ดีอาจเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายสำหรับผู้ขายทุกคน การไม่มีผู้คนสัญจรไปมา การแข่งขันจากผู้ขายรายอื่น และสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยอาจทำให้ดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายได้ยาก อย่างไรก็ตาม มีหลายสิ่งที่ผู้ขายสามารถทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

  1. ปรับปรุงการแสดงผล : การปรับปรุงการแสดงผล ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ ใช้สี ป้าย และแสงที่สว่างเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณโดดเด่น นอกจากนี้ ลองพิจารณาการจัดเรียงรายการด้วยวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อให้ดึงดูดสายตามากขึ้น

 

  1. เสนอโปรโมชัน: ส่วนลด ชุดรวม และโปรโมชันอื่นๆ สามารถช่วยดึงดูดลูกค้าให้ซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณได้ ลองเสนอส่วนลดสำหรับการซื้อจำนวนมากหรือสร้างโปรแกรมสะสมคะแนนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ

 

  1. ปรับปรุงการบริการลูกค้าของคุณ: การบริการลูกค้าที่เป็นมิตรและเอาใจใส่สามารถสร้างความแตกต่างในการดึงดูดลูกค้า ทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้ม เสนอตัวอย่าง และให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณ

 

  1. ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย: แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเช่น Facebook และ Instagram สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณและเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขึ้น โพสต์รูปภาพผลิตภัณฑ์ของคุณ แบ่งปันคำนิยมจากลูกค้าที่พึงพอใจ และเสนอโปรโมชั่นพิเศษให้กับผู้ที่ติดตามเพจของคุณ

 

  1. เข้าร่วมกิจกรรม: การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น งานแสดงสินค้าอาหารและตลาดตามฤดูกาลสามารถช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น ใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้เพื่อแสดงผลิตภัณฑ์ของคุณและโต้ตอบกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า