5 ตลาดน้ำในชุมชนเก่าริมน้ำที่ดีที่สุด
ชุมชนเก่าริมแม่น้ำ ในความหมายคือสถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนหรือหมู่บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำ ในสมัยซึ่งใช้เรือเป็นพาหนะขนส่ง และเดินทาง ชุมชนเก่าหรือย่านชุมชนเก่า ที่อยู่ริมแม่น้ำสำคัญๆ จะมีคุณค่าความรู้ และเรื่องราวของชุมชนนั้นในอดีต ผ่านสถาปัตยกรรมบ้านเรือนเก่า อาหารการกินต่างๆ วิถีชีวิตของคนในชุมชนนั้นๆ รวมถึงความหวงแหนในอัตลักษณ์ของชุมชนตนเอง
ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการขุดคลอง สำคัญๆได้แก่คลองดำเนินสะดวกและคลองภาษีเจริญ เพื่อเชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีนแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำแม่กลอง ทำให้เกิดเครือข่ายโยงใยแม่น้ำขึ้น เกิดตลาดน้ำริมคลองหลายแห่ง เช่นตลาดน้ำปากคลองตลาด ตลาดน้ำคลองมหานาค ตลาดน้ำคลองดำเนินสะดวก ตลาดหน้าวัดไทร ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำท่าคา ที่เป็นตลาดดั้งเดิมที่มีมาก่อน
ซึ่งต่อมามีการจัดตั้งเพิ่มขึ้นในระยะหลังอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาในระยะหลังๆ วิถีและวัฒนธรรมการอยู่ริมน้ำลดลง เพราะประชาชนส่วนมากใช้การเดินทางทางถนน ตลาดน้ำต่างๆจึงได้ลดบทบาทลง แต่เมื่อเกิดกระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ประกอบกับทางรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้มีการฟื้นฟู ตลาดน้ำขึ้นมาอีกครั้ง เรายังจะสามารถเห็นตลาดน้ำได้ในหลายๆประเทศในอุษาคเนย์
ในบทความนี้ จะกล่าวถึงตลาดในชุมชนเก่า ที่เหมาะจะไปเดินสำรวจ ดูบรรยากาศ ของตลาดดั้งเดิม จำนวน 5 ตลาด ที่คิดว่าดีที่สุด คือ
1.ตลาดน้ำวัดไทร
ตลาดน้ำวัดไทร อยู่ในแขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง วัดไทร สันนิษฐานว่าวัดสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นชุมชนใหญ่ มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น อีกทั้งมีคลองสนามชัย ที่เชื่อมกับคลองอื่นๆออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ บริเวณท่าน้ำวัดไทรจึงเป็นจุดรวมของผู้คน ในการซื้อขายสินค้าผลไม้พืชสวน ใส่เรือมาเพื่อขาย และขนส่งต่อไปได้ทั้งทางรถยนต์และทางรถไฟ จากด้านหน้า”ตลาดน้ำวัดไทร” มีสะพานไม้เป็นแนวไปตลอดเพื่อขนถ่ายสินค้าจากเรือ การที่มีเรือมาจอดเป็นจำนวนมาก จึงเป็นภาพแปลกตา เป็นทัศนียภาพของวิถีคนไทย สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ริมน้ำ
จนกระทั่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น มีนโยบายจัดการท่องเที่ยวขึ้น จึงได้ตั้งหน่วยงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของชาวไทย และชาวต่างประเทศ และ “ตลาดน้ำวัดไทร” จึงเป็นสถานที่ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวไทยในอดีต ดังจะเห็นได้จากภรรยาของ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา Lyndon B. Johnson คือ Lady B. Johnson ได้มาเยี่ยมชมตลาดน้ำวัดไทร เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมพ.ศ 2509
และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2507 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศ “เจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร” เสด็จฯไปตลาดน้ำวัดไทรพร้อมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้เริ่มเติบโตขึ้นในยุคนี้ ผู้นำเที่ยวชาวไทย หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่าไกด์ ได้พานักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ซึ่งตอนนั้นมักเป็นชาวยุโรปและชาวอเมริกัน มาเที่ยวชมตลาดน้ำวัดไทรที่เพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งหลังปีพ.ศ 2520 ตลาดน้ำวัดไทรได้เริ่มลดความสำคัญลง ประกอบกับทางถนน ได้เริ่มเดินทางได้สะดวกขึ้น ในที่สุดตลาดน้ำวัดไทรก็คงเหลือแต่ชื่อ ไม่สามารถหวนกลับมาได้อีก น้ำในคลองเน่าเสีย ตลาดสกปรก คงเหลือแต่ตำนานของตลาดน้ำในอดีต
2 .ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ( Damnoensaduak Floating Market)
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นตลาดน้ำ ตั้งอยู่ในอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ตัวตลาดน้ำตั้งอยู่ริมคลองดำเนินสะดวก ซึ่งคลองดำเนินสะดวกนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้ขุดขึ้น เพื่อเชื่อมแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน ระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร และยังมีของคลองย่อยๆ อีกนับร้อยคลอง เชื่อมกับคลองดำเนินสะดวก และพระราชทานนามว่า “คลองดำเนินสะดวก” มีตลาดน้ำจำนวนหลายแห่ง ตั้งอยู่ตามคลองต่างๆเหล่านี้
จนกระทั่งประมาณปี พ.ศ 2510 มีการพัฒนาถนนขึ้น ทำให้ตลาดเหล่านี้สูญหายไป จนกระทั่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้พยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ โดยจัดให้มีตลาดน้ำดำเนินสะดวกขึ้น โดยรวมตลาดย่อยหลายแห่งเข้าด้วยกัน ในปัจจุบันมีภาคเอกชนเข้ามาดำเนินกิจการใน ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ให้บริการนักท่องเที่ยวในการเที่ยวชมตลาดน้ำ โดยเริ่มตั้งแต่เช้า จนกระทั่งหมดนักท่องเที่ยวช่วงบ่ายๆ
ตลาดน้ำดำเนินสะดวกมีสินค้า ที่พ่อค้าแม่ค้านำมาขายทั้งบนบกเป็นร้านค้าริมคลอง และพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือขายในคลอง สินค้าที่นำมาขาย มีทั้งอาหาร ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง ก๋วยจั๊บ อื่นๆอีกมากมาย ขนมหวาน ของทอด ผลไม้ตามฤดูกาล ผลไม้แห้ง สามารถเลือกได้ตามใจท่าน ส่วนร้านค้าบนบก มีสินค้า จำนวนมาก ไว้ขายนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เป็นสินค้าที่ระลึก เช่นเสื้อผ้า เครื่องปั้นดินเผา สินค้าหัตถกรรม สินค้า 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล สินค้าเครื่องจักสานโดยฝีมือชาวบ้าน
หัวใจหลักของการมาเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวก คือการนั่งเรือไปตามลำคลองต่างๆ ชมบรรยากาศการค้าขายสินค้า บนเรือของแม่ค้าพ่อค้า ชมบรรยากาศสวนริมน้ำ บ้านเรือนชาวสวน ชีวิตของราษฎรที่อาศัยอยู่ในห้องแถวริมน้ำ ซึ่งในช่วงก่อนโควิดระบาด ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาท่องเที่ยวนับพันคนในแต่ละวัน ปัจจุบันตลาดน้ำดำเนินสะดวก ไม่ใช่ตลาดน้ำตามธรรมชาติแบบดั้งเดิม แต่เป็นตลาดน้ำเชิงธุรกิจการท่องเที่ยว สินค้าจึงมีราคาแพงขึ้น ทำให้ไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย
แต่ยังมีสถานที่ใกล้เคียงตลาดน้ำดำเนินสะดวกที่ท่านสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมได้ ก่อนเดินทาง ถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกเช่น ตลาดรถไฟแม่กลอง (ตลาดร่มหุบ) วัดบางกุ้ง ซึ่งห่างจากตลาดน้ำดำเนินสะดวกประมาณ 8 กิโลเมตร มีอุโบสถเก่ามีต้นไม้ขึ้นปกคลุม อาสนะวิหารพระแม่บังเกิด ซึ่งเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์คาทอลิก ที่สวยงามห่าง จากตลาดน้ำดำเนินสะดวกเพียง 5 กิโลเมตร
อุทยานรัชกาลที่ 2 ซึ่งเป็นที่พระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง หรือท่านอาจจะไปกราบบูชาหลวงพ่อบ้านแหลม ที่วัดบ้านแหลมหรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ก็ได้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำดำเนินสะดวกนัก อีกวัดหนึ่งคือ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อยู่บนเส้นทางสายบางแพ – ดำเนินสะดวก ก่อนถึงแยกดำเนินสะดวก 10 กิโลเมตร มีสถานที่ท่องเที่ยวในวัด จำนวนหลายแห่ง สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดดังกล่าวข้างต้น ท่านสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปกลับได้ภายในวันเดียว เหมาะสำหรับพาครอบครัวเดินทางมาท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
การเดินทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก
การเดินทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก ถ้าไปด้วยรถยนต์ส่วนตัว เส้นทางแรกไปตามถนนเพชรเกษม เดินทางผ่านจังหวัดนครปฐม และไปเลี้ยวซ้ายที่แยกบางแพ เดินทางต่อไปเรื่อยๆประมาณ 25 กิโลเมตร ก็จะถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวก อีกทางหนึ่งเดินทางไปตามถนนสายธนบุรี -ปากท่อ ผ่านตัวเมืองสมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 325 ไปอีกประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะถึง หรือท่านสามารถขึ้นรถโดยสารประจำทางได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี มีรถปรับอากาศสายกรุงเทพฯดำเนินสะดวก โดยเที่ยวแรกเริ่มตั้งแต่ 05.00 น สอบถามได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋ว อีกทางหนึ่งคือจะมีรถตู้ สายกรุงเทพฯดําเนินสะดวกโดยท่านสามารถขึ้นรถตู้ได้ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ
3.ตลาดนัดอัมพวา (Amphawa Floating Makget)
ถ้าพูดถึงตลาดน้ำในประเทศไทย ที่เก่าแก่และโด่งดังมาอย่างยาวนาน หลายคนคงต้องนึกถึง “ตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Makget) เป็นลำดับต้นๆ ตลาดริมคลองแห่งนี้ จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นตลาดน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ดังนั้นในวันหยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จึงมีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น เลือกซื้อของ หรือหาของกินที่อร่อยๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีร้านขายของตั้งเรียงรายอยู่ 2 ฟากฝั่งคลอง
ประวัติความเป็นมาของตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำอัมพวาตั้งอยู่ในอำเภออัมพวา ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม โดยหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปีพ.ศ 2310 มีผู้คนอพยพเข้ามาทำการเพาะปลูกและอยู่อาศัย ตามริมแม่น้ำเป็นจำนวนมาก โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ วัดอัมพวันเจติยาราม และชาวบ้านได้ทำการค้าขายบริเวณริมน้ำใกล้วัด มาเป็นเวลานับร้อยปี จนกระทั่งมีการก่อสร้างถนน ทำให้การค้าขายได้ย้ายจาก ริมน้ำมาสู่บนบก ตลาดน้ำจึงค่อยๆลดความสำคัญและสูญหายไปในที่สุด ทิ้งไว้แต่ความรุ่งเรืองในอดีต จนต่อมามีการฟื้นฟูตลาดน้ำอัมพวา เพื่อการท่องเที่ยวขึ้น โดยเทศบาลตำบลอัมพวา และได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 สิงหาคมพ.ศ 2547 เวลาทำการของตลาดคือวันศุกร์วันเสาร์และวันอาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 13:00 น ถึง 22.00 น.
ซึ่งแต่เดิมใช้ชื่อว่า “ตลาดน้ำยามเย็น” ซึ่งตลาดน้ำอัมพวาแห่งนี้ จะจัดขึ้นในช่วงเวลาเย็นเรื่อยไปจนถึงเวลาพลบค่ำ ซึ่งอาจเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ที่จัดในลักษณะเช่นนี้ ในตอนเย็นชาวบ้านจะเริ่มทยอยพายเรือนำสินค้าหลากหลายชนิด อาทิเช่น อาหาร ขนม พืชผักผลไม้ ของกินของใช้มาขายนักท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชนริมน้ำ ทำให้เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยว และยังสามารถที่จะซื้ออาหารมานั่งรับประทาน บริเวณริมคลองอัมพวาติดกับตลาดน้ำ ซึ่งได้จัดสถานที่ไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้เห็น บ้านเรือนไทยริมแม่น้ำสมัยโบราณ จำนวนหลายหลัง ซึ่งยังคงอนุรักษ์ไว้ มีบริการให้เช่าเรือนั่งดูวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง เลือกซื้อสินค้า OTOP สินค้า 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล รวมถึงสินค้าทำมือต่างๆที่ชาวบ้านนำมาจำหน่าย
นอกจากเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่นการล่องเรือชมวิถีชีวิตาวบ้านริมสองฝั่งคลอง ท่านสามารถเช่าเรือแบบสาธารณะ หรือแบบเหมาลำได้ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมหิ่งห้อย เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก และอาจจะมีแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย เป็นกิจกรรมล่องเรือดูหิ่งห้อยนับร้อยนับพันตัว ริมสองฝั่งแม่น้ำแม่กลอง โดยเรือจะล่องไปตามลำน้ำแม่กลองหรือคลองย่อยต่างๆที่มีต้นลำพูขึ้นริมฝั่ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะชมหิ่งห้อย โดยทั่วไปแล้วสามารถชมได้ทั้งปี มากน้อยไปตามฤดูกาล แต่ในฤดูร้อนและฤดูฝนโดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงตุลาคม จะได้พบหิ่งห้อยเป็นจำนวนมาก และแนะนำควรไปในวันข้างแรม
ซึ่งจะเห็นแสงหิ่งห้อยมีมากกว่าคืนข้างขึ้น มีจุดให้บริการเรือนักท่องเที่ยวหลายจุด สอบถามประชาชนในพื้นที่ การท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งคือการขี่จักรยาน เป็นการปั่นจักรยานไปรอบๆอัมพวา ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการเช่าจักรยาน มีแผนที่และเส้นทางแนะนำการขี่จักรยาน รวมระยะทางถีบจักรยานไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตร โดยมีป้ายบอกสถานที่ต่างๆ ตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ตลาดน้ำอัมพวาอีกเช่น บ้านแมวไทยอัมพวา เป็นศูนย์อนุรักษ์แมวไทยโบราณเป็นที่เหมาะสำหรับคนรักแมว เพราะเป็นที่รวบรวมแมวพันธุ์ไทยโบราณต่างๆไว้ นอกจากนี้เรายังสามารถเล่นกับแมวได้อย่างใกล้ชิด คนรักแมวไม่ควรพลาด
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอีกแห่งหนึ่งคือ อาสนะวิหารพระแม่บังเกิด บางนกแขวก เป็นโบสถ์คริสต์คาทอลิกสวยๆ ตั้งอยู่ไม่ไกลตลาดน้ำอัมพวา สร้างตั้งแต่ปีพ.ศ 2433 เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีอายุนับร้อยปี
อีกสถานที่หนึ่งคือวัดบางกุ้ง เป็นวัดเก่าแก่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สถานที่น่าชมคือ “โบสถ์ปรกโพธิ์” เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ ทั้งต้นโพธิ์และต้นกร่าง ถือว่าเป็น ” Unseen”ของจังหวัดสมุทรสงครามก็ว่าได้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ที่สำคัญมากอีกแห่งหนึ่งคืออุทยานรัชกาลที่ 2 หรืออุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ ด้านในมีอาคารทรงไทย 5 หลัง จัดเป็นพิธภัณฑ์ วิถีชีวิตไทยสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ น่าไปเยี่ยมชมมาก
อีกวัดหนึ่งที่น่าไปเยี่ยมชมคือ วัดอัมพวันเจติยาราม ซึ่งวัดอัมพวันเจติยารามอยู่ติดกับอุทยานรัชกาลที่ 2 เป็นวัดของตระกูลราชินิกุล ณ .บางช้าง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในมีกิจกรรมฝาผนังสวยงาม
การเดินทางไปตลาดน้ำอัมพวา
โดยรถยนต์ส่วนตัว : ตามเส้นทางสายธนบุรี -ปากท่อ เดินทางเข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 323 ไปจนถึงอำเภออัมพวา สามารถหาที่จอดรถบริเวณรอบๆที่ว่าการอำเภออัมพวาได้
โดยรถประจำทาง : จากสถานีรถขนส่งสายใต้ สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่สถานีขนส่งได้ว่ารถสายใดผ่านตลาดน้ำอัมพวา
สำหรับตลาดน้ำอัมพวา ซึ่งอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ สามารถใช้ระยะเวลาในการเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง และระยะเวลาในการท่องเที่ยวตลาดน้ำ และสถานที่โดยรอบ ได้ภายในวันเดียว จึงเหมาะสำหรับครอบครัวที่จะมาเที่ยวกันในวันหยุดสุดสัปดาห์
4.ตลาดสามชุกร้อยปี หรือที่เรียกสั้นๆว่าตลาดร้อยปี
ตลาดสามชุก 100 ปี เป็นห้องแถวไม้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ในอดีตตลาดสามชุกเป็นย่านการค้าสำคัญ เป็นแหล่งชุมชนของชาวไทยเชื้อสายจีน มีการค้าขายกันมานับร้อยปีตั้งแต่อดีต เป็นย่านการค้าของชาวไร่ชาวนา ที่จะมาซื้อสินค้ากัน ในปีพ.ศ 2510 การคมนาคมทางบกได้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เส้นทางการค้าขายทางน้ำซบเซาลง
ตลาดสามชุกจึงเริ่มเงียบเหงา การสัญจรทางน้ำลดลงอย่างมาก การค้าขายในตลาดสามชุกไม่คึกคักเหมือนเดิม ดังนั้นในปีพ.ศ 2543 มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ขึ้นมาเพื่อฟื้นฟู ตลาดสามชุกให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งและได้ทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนตลาดสามชุกกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เป็นการช่วยกันพัฒนาของชุมชนท้องถิ่น ในตลาดสามชุก จะเห็นได้จากในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมสามชุก ตลาดร้อยปีเป็นจำนวนมาก โดยตลาดสามชุกจะเปิดทุกวัน แต่ในวันธรรมดาคนจะน้อย และจะกลับมาคึกคักอีกในวันหยุด
ภายในตัวตลาดสามชุก จะเป็นเรือนไม้เรียงติดกัน อยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ในชุมชน มีสถาปัตยกรรมโบราณ เชิงชายไม้แกะสลัก และที่สำคัญมีอาคารพิพิธภัณฑ์บ้านคุณจำนงค์ ที่น่ารักษ์ ปลูกเป็นบ้าน 3 ชั้น คอนกรีตเสริมไม้ ตั้งแต่พ.ศ 2459 ผู้ที่เดินทางไปเที่ยวสมควรจะเข้าไปเยี่ยมชมมาก ร้านขายยาจีน ร้านขายยาไทยโบราณ ร้านกาแฟโบราณ ร้านถ่ายรูปโบราณ ซึ่งยังคงสภาพและรูปแบบเดิม เป็นการอนุรักษ์ชีวิต ความเป็นอยู่ และบรรยากาศริมแม่น้ำท่าจีนอีกแห่งหนึ่งส่วนสินค้าที่จำหน่ายจะมีทั้งอาหารเครื่องดื่ม พืชผักผลไม้ อาหารแห้งอาหารสด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยชุมชน เหมือนตลาดน้ำทั่วไปในประเทศไทย
สถานที่ท่องเที่ยวข้างเคียงตลาดสามชุก 100 ปี มีจำนวนหลายแห่งเช่น หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย อยู่ที่อำเภอศรีประจันต์ ห่างจากตลาดสามชุก 100 ปี ประมาณ 15 กิโลเมตร มีการแสดงของควายแสนรู้ทุกวัน มีหมู่บ้านชาวนา ลานแสดงควาย รวมทั้งมีรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวได้พัก ยังมีที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอีกคือ “บึงฉวาก ” ห่างจากตลาดสามชุก 100 ปีประมาณ 29 กิโลเมตร ภายในมีอุโมงค์ปลา ซึ่งท่านสามารถเดินชมปลาภายในอุโมงค์ได้ อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นที่รวมของพันธุ์ปลาน้ำจืดต่างๆในประเทศไทย โดยแบ่งเป็นทั้งอาคาร 1 และอาคาร 2 นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายหลายแห่งที่อยู่ในจังหวัดสุพรรณ เช่นอนุสรณ์ดอนเจดีย์ที่อำเภอดอนเจดีย์ หอบรรหารแจ่มใส พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร วัดป่าเลไลย์ ทั้ง 3 แห่งนี้อยู่ในอำเภอเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี
ตลาดสามชุก 100 ปี เป็นตลาดน้ำที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากกรุงเทพฯ และบริเวณจังหวัดใกล้เคียงในภาคกลาง ท่านสามารถเดินทางมาเที่ยวตลาดสามชุก 100 ปี พร้อมสถานที่อื่นๆที่อยู่ในจังหวัดสุพรรณได้ ภายในวันเดียว ซึ่งท่านควรวางแผนการท่องเที่ยวไว้ก่อน เพื่อที่จะไม่เสียเวลาในการเดินทาง ค้นหาสถานที่ที่ท่านต้องการไปเที่ยว
การเดินทางไปสามชุกตลาดร้อยปี
การเดินทางไปสามชุกตลาดร้อยปี ท่านสามารถเดินทางโดยเส้นทางสายบางบัวทอง-สุพรรณบุรี จากกรุงเทพฯไปถึงสุพรรณบุรีระยะทางประมาณ 107 กิโลเมตร จากนั้นตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 แยกเข้าอำเภอสามชุก ตัวตลาดอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก หรือจะเดินทางโดยรถประจำทาง ท่านสามารถเริ่มได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่นั่นได้ ซึ่งท่านจะได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้อง
5.ตลาดเก้าห้องร้อยปี
ตลาดเก้าห้องเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน เป็นตลาดเก่าริมแม่น้ำ ที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี มีเรือนไม้ปลูกติดต่อกันเรียงเป็นแถวยาว ที่ในอดีตใช้เป็นที่ค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้าของชุมชนไทย-จีน ผ่านมานับร้อยปี จนถึงวันนี้ รุ่นต่อรุ่น ยังคงรักษาอัตลักษณ์ ของชุมชนเก่าแก่ ริมแม่น้ำท่าจีน ได้มาจนถึงปัจจุบัน ตลาดเก้าห้องนี้เริ่มสร้างมาประมาณต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “ตลาดเก้าห้อง” น่าจะมีชื่อมาจากบ้านเก้าห้อง ซึ่งเป็นบ้านโบราณมีประวัติสืบทอดมายาวนาน
การค้าขายภายในตลาดเก้า ห้อง จะมีร้านค้าเก่าแก่ที่ขายอาหาร โดยคนจีนแท้ๆที่สืบทอดฝีมือต่อๆกันมาจากรุ่นพ่อแม่ มีขนมเปี๊ยะ รสชาติดั้งเดิมยอดเยี่ยม ที่ท่านสามารถซื้อเป็นของฝากกลับบ้านได้ มีของเล่น-ของสะสมเล็กๆน้อยๆ ร้านกาแฟ มีของเก่าเล็กๆน้อยๆใส่ตู้โชว์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป นอกจากนี้ตลาดเก้าห้องยังเป็นฉากในการถ่ายทำละคร และภาพยนตร์จำนวนหลายเรื่อง เช่นเรื่องอั้งยี่ อยู่กับก๋ง แม่เบี้ย หรือ 7 ประจัญบาน
สัญลักษณ์ของตลาดเก้าห้องอีกอย่างหนึ่งคือ “หอดูโจร” สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ 2477 เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน ก่ออิฐถือปูน ขนาดกว้าง 3 *3 เมตร มีทั้งหมด 4 ชั้นแต่ละชั้นฝาผนังจะมีการเจาะรูไว้รอบผนังทั้ง 4 ด้านเพื่อไว้สำหรับส่องเป็นปืนซุ่มยิงโจร ที่จะมาปล้น ด้านบนหอจะสามารถดูได้ทุกทิศทางในระยะไกล การสร้างหอดูโจรนี้ทำให้ไม่มีโจรกล้า ที่จะมาปล้นตลาดเข้าห้องอีกเลย นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าจีน( ศาลเจ้าแม่ทับทิม) และศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ เพราะคนในตลาดนี้ส่วนมากมีพ่อแม่เป็นคนจีนทั้งนั้น ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือฮู้ใหญ่โบราณ ซึ่งฮู้ใหญ่โบราณนี้คือสัญลักษณ์ความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายจีน ติดอยู่บนขื่อกลางตลาด ซึ่งถ้าท่านไปเที่ยวชมตลาด อย่าลืมสังเกต รวมถึงยังมีพิพิธภัณฑ์ตลาดเก้าห้อง ให้ท่านได้ชมความเป็นมาของตลาดเก้าห้องอีกด้วย
ตลาดเก้าห้องเป็นตลาดเล็กๆ เหมาะสำหรับเดินชมห้องแถวเก่าดั้งเดิม หาของกินเล็กๆริมน้ำ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสถานที่อื่น จึงเหมาะสำหรับครอบครัวที่จะเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ ชมตลาดน้ำ บรรยากาศห้องแถวริมคลอง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ หาร้านอาหารรับประทาน หาของกินเล่นเล็กๆน้อยๆ รวมถึงซื้อสินค้าพื้นเมือง ก่อนกลับบ้าน
การเดินทางไปตลาดเก้าห้องร้อยปี
การเดินทางมาตลาดเก้าห้องร้อยปี จากกรุงเทพฯใช้เส้นทางหลวงสาย 240 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ประมาณ 100 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอบางปลาม้า เข้าไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีรถประจำทาง จากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนีและ รถตู้ จากฝั่งตรงข้ามกองสลาก ถนนราชดำเนินที่ท่านสามารถใช้เดินทางได้